
เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยได้ยินกันมาบ้างกับคำว่า “Internet of Things” อินเทอร์เน็ตในทุกสิ่ง คำนี้ได้ถูกนำมาพูดถึงรวมกันกับเทคโนโลยีอื่นอีก เช่น Data Science, Blockchain เป็นต้น รวมไปถึงแวดวงธุรกิจตั้งแต่ Retail จนถึง Healthcare เลย หลายคนต่างก็เริ่มที่จะสนใจขึ้นมามากแล้วว่า Internet of Thing คืออะไร ทำไมถึงได้ถูกนำไปพูดถึงในประเด็นที่น่าสนใจมากมาย มีประโยชน์อย่างไร ไอทีทูเดย์ จะขอบอกเล่าเรื่องราวของเทคโนโลยีนี้กัน
ความหมายของ Internet of Thing

ถ้าให้หาคำอธิบายอย่างง่ายดายที่ชัดเจนที่สุดสำหรับInternet of Things หมายความว่า สิ่งของทุกอย่างบนโลกที่สามารถเชื่อต่อเข้ากับเครือข่าย เพื่อที่จะสามารถแลกเปลี่ยน และแบ่งปันข้อมูลให้กันได้ อาจจะเป็นไปได้ตั้งแต่ เม็ดยา กล้องบันทึกภาพ นาฬิกา หลอดไฟ กาน้ำร้อน หรือจะเป็นเครื่องบิน โดยมีเป้าหมายที่ว่า อุปกรณ์ทุกอย่างจะต้องเชื่อมต่อแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันได้ โดยที่มีมนุษย์เกี่ยวข้องน้อยที่สุด ทำหน้าที่เชื่อมประสานกันระหว่าง ข้อมูลของโลกดิจิทัลเข้ากับโลกทางกายภาพให้ใกล้ชิดกันมากที่สุด
ซึ่งนั่นก็คือ Internet of Thing นี้จะคือการเชื่อมโยงอุปกรณ์ทั้งหลายผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่เราจะนึกออก เช่น แอปพลิเคชัน Google Glass รองเท้าที่สามารถจะบันทึกสถิติการวิ่ง ความเร็ว ระยะทาง และสถานที่ได้ นิยามของเทคโนโลยีนี้คือ เครือข่ายขนาดใหญ่ที่เชื่อต่อกัน เป็นความสัมพันธ์ระหว่างคนกับคน คนกับสิ่งของ และสิ่งของกับสิ่งของ
Internet of Things มีผลอย่างไรกับชีวิต

กฎใหม่แห่งโลกอนาคต “ไม่ว่าอะไรที่สามารถเชื่อต่อได้ ต้องสามารถเชื่อถึงกันได้” แล้วเหตุผลอะไร ที่เราต้องการจะให้ทุกอุปกรณ์ทุกอย่างเชื่อมต่อสื่อสารหากันได้? มีหลายตัวอย่างที่บอกคุณค่าที่แฝงอยู่ เช่น ถ้านาฬิกาปลุกของเราตั้งปลุกไว้ที่ 6 นาฬิกา แล้วแจ้งให้กับเครื่องชงกาแฟเริ่มชงกาแฟให้เราล่ะ หากอุปกรณ์สำนักงานของเรารู้ว่าเมื่อของใช้กำลังจะหมด และสามารถที่จะสั่งซื้ออัตโนมัติได้ล่ะ
หากจะกล่าวกว้าง ๆนั้นก็คือ Internet of Thing สามารถประยุกต์ได้กับสิ่งต่าง ๆ ยกตัวอย่างเช่น เครือข่ายขนส่งอย่าง “สมาร์ทซิตี้ (Smart City)” ซึ่งมีความสามารถที่จะช่วยให้สามารถลดการเกิดขยะ และเพิ่มประสิทธิภาพของสิ่งต่าง ๆ เช่น การใช้พลังงาน ซึ่งช่วยให้เราเข้าใจและปรับปรุงการทำงาน และการดำเนินชีวิตของเรา
อันตรายจาก Internet of Thing

เทคโนโลยี Internet of Thing นั้นมีประโยชน์ที่หลากหลายมาก และแนวโน้มการนำมาใช้งานก็มีเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ประโยชน์นั้นก็มาพร้อมกับความเสี่ยง เพราะหากระบบรักษาความปลอดภัยของอุปกรณ์ และเครือข่ายไม่มีประสิทธิภาพมากพอ ก็อาจจะทำให้ผู้ไม่ประสงค์ดีเข้ามาขโมยข้อมูล หรือละเมิดความเป็นส่วนตัวของเราได้ เพราะเหล่าแฮกเกอร์จะคอยมองหาช่องโหว่ของเราเพื่อที่จะเข้าควบคุม โจมตีเครือข่ายหรือ ไวรัสเรียกค่าไถ่ มาใช้เล่นงานเราได้ จึงจำเป็นอย่างมากี่จะต้องมีการพัฒนามาตรการ และระบบรักษาความปลอดภัยไอทีควบคู่กันไปด้วย
เห็นแบบนี้แล้วในอีกด้านหนึ่ง เราลองคิดดูว่ายิ่งมีการเชื่อมต่อมากขึ้นเท่าไหร่ ก็จะส่งเสริมให้มีการพัฒนานวัตกรรมที่จะส่งผลให้มีโอกาสเติบโตทางเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้น และหากเรามีการนำ เทคโนโลยี 5G เข้ามาใช้ร่วมด้วยแล้วทุกอย่างคงจะเชื่อมต่อหากันได้อย่างรวดเร็วเหมือนกับความคิดเลยก็ได้ ทั้งเจ้าของธุรกิจ และผู้บริโภคต่างก็ได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย Internet of Thing ถือเป็นจุดเปลี่ยนของเศรษฐกิจในอนาคตได้อย่างดีเยี่ยมเลย